English Punctuation
1. ประโยชน์ของเครื่องหมายวรรคตอน
เครื่องหมายวรรคตอนเป็นอุปกรณ์หรือเครื่องมืออย่างดีที่ช่วยให้ผู้เขียนได้ใช้สื่อความหมายในงานเขียนของตน และผู้อ่านได้ทราบความหมายตามที่ผู้เขียนต้องการจะสื่อได้ตรงกันว่า
- ประโยคนี้จบประโยคแล้ว
- ประโยคนี้เป็นประโยคคำถาม
- ประโยคนี้เป็นประโยคที่แสดงออกถึงอารมณ์ตกใจ
- ประโยคนี้เป็นประโยคคำพูดของบุคคลอื่นที่เรายกมาพูด ฯลฯ
เพราะฉะนั้นถ้าเรารู้ความหมายของเครื่องหมายวรรคตอนย่อมอำนวยประโยชน์
ต่อการอ่าน และถ้าเรารู้วิธีใช้ย่อมมีคุณูปการต่องานเขียนของเราเป็นอย่างยิ่ง
2. เครื่องหมายวรรคตอนในภาษาอังกฤษ
เครื่องหมายวรรคตอนในภาษาอังกฤษมีอยู่มากมายหลากหลายตัว แต่เครื่องหมายที่ใช้บ่อยมากและเราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี มีดังนี้
2.1 Full stop (.) 2.7 Semicolon (;)
2.2 Question marks (?) 2.8 Quotation marks (‘’ “”)
2.3 Exclamation marks (!)
2.4 Comma (,)
2.5 Hyphen (-)
2.6 Colon (:)
2.1 Full stop (.) เครื่องหมายมหัพภาค /จบประโยค
- ใช้เมื่อจบประโยค (ยกเว้นประโยคคำถาม และประโยคอุทานหรือตกใจ) ประโยคในที่นี้หมายถึง ประโยคบอกเล่า ประโยคปฏิเสธ ประโยคคำสั่ง และประโยค direct speech และเนื้อหาของแต่ละประโยคดังกล่าวไม่ควรยาวเกิน 3 บรรทัด เพราะประโยคที่มีเนื้อหายาวเกินไปอาจสร้างความย่งยากในการทำความเข้าใจแก่ผู้อ่าน
ยกตัวอย่างเช่น He is my good friend.
We don’t like terrorism.
Sit down.
He said, “I have something to give you.” เป็นต้น
- ใช้กับคำย่อ (abbreviation)
ยกตัวอย่างเช่น a.m. = from Latin ‘ante meridiem’ ตั้งแต่หลังเที่ยงคืนถึงเที่ยงวัน
Dec. = December
No. = Number เป็นต้น
- คำย่อเหล่านี้อังกฤษแบบอังกฤษไม่มีเครื่องหมาย Full stop แต่อังกฤษแบบอเมริกันมี ยกตัวอย่างเช่น
อังกฤษแบบอังกฤษ | อังกฤษแบบอเมริกา | คำแปล |
Dr | Dr. | ดอกเตอร์ |
Mr | Mr. | นาย |
MA | M.A. | ปริญญาโท |
- ใช้เขียนคั่นระหว่างวันที่กับเดือน และเดือนกับปีของคริสต์ศักราช
ยกตัวอย่างเช่น 9.9.2008 หรือ 9.09.2008 หรือ 31.12.2011 เป็นต้น
- ใช้บอกเวลาที่มีเศษนาทีและวินาที ยกตัวอย่างเช่น 3.15 a.m.
- ใช้บอกจำนวนเงินที่มีเศษ ยกตัวอย่างเช่น This pen costs 5.50 bath.
- ใช้กับทศนิยม (decimal point) ยกตัวอย่างเช่น 1.1 + 2.2 = 3.3
- ใช้กับ website และ email address ให้อ่านออกเสียงว่า dot (ด็อท)
ยกตัวอย่างเช่น website เช่น www.google.com www.sanook.com
email address เช่น danny@hotmail.com
2.2 Question marks (?) เครื่องหมายคำถาม / ปรัศมี
- ใช้เมื่อจบประโยคคำถาม (interrogative sentence)
- ใช้กับบทสนทนาที่เป็นคำถามสั้น ๆ เพียงคำเดียวที่คู่สนทนาต่างเข้าใจว่าหมายถึงอะไร ได้แก่คำจำพวก Wh - word และคำอื่น ๆ เช่น
A : I met a friend of yours yesterday.
B : Who?
- ใช้กับประโยคบอกเล่า (affirmative sentence) ซึ่งผู้เขียนต้องการให้เป็นประโยคคำถาม (interrogative sentence) อนึ่งประโยคลักษณะนี้ผู้พูดต้องพูดคำสุดท้ายของประโยคด้วยการขึ้นเสียงสูง เพื่อให้ทราบว่าเป็นการถาม / ประโยคคำถาม แต่จะจัดอยู่ในประเภทงานเขียนที่ไม่เป็นทางการ ซึ่งมีโอกาสใช้ค่อนข้างน้อยนิยมใช้พูดมากกว่า ยกตัวอย่างเช่น You came alone? She is your sister?
2.3 Exclamation marks (!) เครื่องหมายอัศเจรีย์ / ตกใจ
คำพูดหรือประโยคที่มีเครื่องหมายตกใจ น้ำเสียงผู้พูดย่อมแตกต่างจากเวลาพูดทั่ว ๆ ไป นั่นคือ เสียงย่อมสูงกว่าปกติ เพราะบ่งบอกให้รู้ถึงความตกใจ มีวิธีใช้ดังนี้
- ใช้กับคำอุทานซึ่งแสดงอารมณ์ตกใจ ดีใจ สสดใจ หรือเจ็บปวด
Oh! โอ้! Oop! อุ๊ย!
Ouch! โอ๊ย! Excellent! วิเศษณ์!
บางครั้งใช้กับคำทักทาย เพื่อเป็นการเรียกร้องความสนใจ เช่น Hi! Hello!
- ใช้กับคำพูดหรือประโยคที่เตือนให้ระมัดระวัง เช่น
Be careful! ระวัง! Watch out! ระวัง!
- ใช้กับประโยคที่เป็นคำสั่งอย่างเด็ดขาด (peremptory command) เช่น
Go away! ออกไป! Do not disturb! ห้ามรบกวน!
- ใช้กับประโยคที่บ่งบอกถึงอารมณ์ดีใจ ตกใจ เศร้าใจ ประหลาดใจ โกรธ และตื่นเต้น เช่น Help me! ช่วยด้วย! What a pity! น่าสงสารเหลือเกิน!
- ใช้วางหลังชื่อบุคคลเพื่อเป็นการเน้นหรือเรียกร้องความสนใจ
ยกตัวอย่างเช่น Ann! Where are you now? แอน ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?
2.4 Comma (,) เครื่องหมายจุลภาค
บรรดาเครื่องหมายวรรคตอนในภาษาอังกฤษ เครื่องหมาย comma (,) เป็นเครื่องหมายที่ใช้มากที่สุด เครื่องหมายนี้มีความหมายว่าให้ผู้พูดหรือผู้อ่านหยุดครู่หนึ่ง แล้วค่อยพูดหรืออ่านต่อ เรียกว่าพูดแบบมีจังหวะจะโคนฟังแล้วรื่นหู เช่น No, price is too high. ประโยคนี้เราต้องหยุดที่คำว่า No ครู่หนึ่งแล้วค่อยพูดต่อ แต่ถ้าเราพูดโดยไม่หยุดครู่หนึ่งประโยคข้างบนก็จะมีความหมายดังนี้ คือ No price is too high. ซึ่งทั้งสองประโยคนี้มีความหมายที่แตกต่างกันมาก
เครื่องหมาย comma (,) มีวิธีใช้ดังนี้
- ใช้แยกคำหรือวลีในรายการ คำสุดท้ายที่มี and นำหน้าจะวาง comma(,) ไว้หน้า and หรือไม่ก็ได้ แต่โดยทั่วไปไม่เขียน comma (,) ไว้หน้า and เช่น
Students need books, notebooks, pens, rulers and erasers.
- ใช้แยกอนุประโยค (subordinate clause) กับมุขยประโยค (main clause) เช่น If I had much more time , I would learn another language.
- ใช้แยกประโยคความรวม (compound sentence) ซึ่งประธานแต่ละประโยคต่างกัน (แต่ไม่เสมอไป) ที่เชื่อมด้วยคำสันธาน (conjunction) อาทิเช่น but , so , and , or , yet และต้องเป็นประโยคที่มีเนื้อหายาว ๆ เช่น English isn’t difficult , but a lot of people think it’s difficult.
- ใช้วางหลังคำหรือกลุ่มคำที่แทรกเข้ามาเพื่อเน้นความสำคัญ ยกตัวอย่างคำเหล่านี้ however , moreover hence , indeed
Furthermore nevertheless เป็นต้น
- ใช้วางหลังชื่อบุคคลที่อยู่ต้นประโยค หากว่าชื่ออยู่กลางประโยคให้วางไว้ทั้งข้างหน้าและข้างหลังชื่อ แต่ถ้าชื่ออยู่ท้ายประโยคให้วางไว้หน้าชื่อ เช่น
Helen , why don’t you come along with us?
Sir , I am very happy to meet you.
You know ,Michel, why I try to speak English with foreigners.
- ใช้เขียนหลัง yes , no หรือคำทำนองเดียวกันนี้ที่มีข้อความเกี่ยวเนื่องต่อท้าย เช่น Is he a good boy? Yes, he is a good boy.
- ใช้เพื่อแยกปี ซึ่งตามหลังเดือน ถนนกับเมืองหรือเมืองกับรัฐ เช่น
My birthday is October 16,1960. เป็นต้น
2.5 Hyphen (-) เครื่องหมายขีดสั้น / ยัติภังค์
เป็นเครื่องหมายขีดสั้น ซึ่งมีวิธีใช้งานดังนี้
- เพื่อเชื่อมคำสองคำให้เป็นคำเดียวกัน เช่น ex – Presider (อดีตประธานาธิบดี) ex-wife (อดีตภรรยา) เป็นต้น
- เพื่อแยกพยางค์ของคำที่เขียนไม่พอบรรทัด เช่น Congratu-
lations on winning the scholarship.
2.6 Colon (:) เครื่องหมายจุดคู่ / ทวิภาค
คือเครื่องหมายที่ใช้คั่นข้อความต่าง ๆ ในลักษณะดังนี้
- ใช้ : หลังคำขึ้นต้นในจดหมายธุรกิจแบบอเมริกา เช่น
Gentlemen : ใช้เขียนถึงบริษัทโดยไม่เจาะจงตัวบุคคล
Dear Sir : เมื่อเขียนถึงบุคคลที่ไม่รู้จักชื่อ
- ใช้สำหรับแยกชั่วโมงกับนาทีในการบอกเวลาแบบอเมริกัน เช่น
9:30 p.m. 8:45 p.m. เป็นต้น
2.7 Semicolon (;) เครื่องหมายอัฒภาค
เป็นเครื่องหมายที่ใช้เชื่อมประโยค 2 ประโยคซึ่งมีข้อความหรือความรู้สึกเกี่ยวพันกัน ถ้าขึ้นต้นประโยคใหม่อาจจะทำให้ใจความขาดตอนออกจากกัน เช่น
Daeng likes to eat ; Suda likes to sleep. เป็นต้น
2.8 Quotation marks (‘’ “”) ครื่องหมายอัญประกาศ / คำพูด
- ใช้เครื่องหมายคู่ “” กับข้อความที่คัดลอกจากข้อเขียนหรือคำพูด เช่น
My teacher says, “The pupils must intend to learn for good chance.”
- ใช้เครื่องหมายเดี่ยว คือ ‘’ เมื่ออยู่ในเครื่องหมายคำพูดอีกทีหนึ่ง เช่น
Ladda said, “Do you remember that John has ever said, ‘I love you all time.’?”
- ใช้เครื่องหมายกับชื่อบทความ ชื่อเพลงหรือบทประพันธ์ต่าง ๆ เช่น
The song I like best “the yesterday once more.”
- ใช้เครื่องหมายคำพูดกับคำที่ผู้เขียนต้องการเน้น หรือแสดงความพิเศษอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น He often calls me a “true man.”
หมายเหตุ เครื่องหมาย , (comma) และจุด . (Peroid) จะต้องอยู่ภายในเครื่องหมายคำพูดเสอม ไม่ว่าในกรณีใด ส่วนเครื่องหมาย : (colon) และ ; (semicolon) ให้วางเอาไว้นอกเครื่องหมายคำพูดเสมอ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น