18 กันยายน 2554

punctuation

English  Punctuation
1. ประโยชน์ของเครื่องหมายวรรคตอน 
เครื่องหมายวรรคตอนเป็นอุปกรณ์หรือเครื่องมืออย่างดีที่ช่วยให้ผู้เขียนได้ใช้สื่อความหมายในงานเขียนของตน  และผู้อ่านได้ทราบความหมายตามที่ผู้เขียนต้องการจะสื่อได้ตรงกันว่า
-  ประโยคนี้จบประโยคแล้ว
-  ประโยคนี้เป็นประโยคคำถาม
-  ประโยคนี้เป็นประโยคที่แสดงออกถึงอารมณ์ตกใจ
-  ประโยคนี้เป็นประโยคคำพูดของบุคคลอื่นที่เรายกมาพูด ฯลฯ
เพราะฉะนั้นถ้าเรารู้ความหมายของเครื่องหมายวรรคตอนย่อมอำนวยประโยชน์
ต่อการอ่าน  และถ้าเรารู้วิธีใช้ย่อมมีคุณูปการต่องานเขียนของเราเป็นอย่างยิ่ง

2.  เครื่องหมายวรรคตอนในภาษาอังกฤษ
            เครื่องหมายวรรคตอนในภาษาอังกฤษมีอยู่มากมายหลากหลายตัว แต่เครื่องหมายที่ใช้บ่อยมากและเราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี  มีดังนี้
            2.1  Full  stop (.)                                           2.7  Semicolon (;)
            2.2  Question  marks (?)                             2.8  Quotation  marks (‘’ “”)
            2.3  Exclamation  marks (!)                      
            2.4  Comma (,)                                            
            2.5  Hyphen (-)                                            
            2.6  Colon (:)                                               
           
 2.1 Full  stop (.)       เครื่องหมายมหัพภาค /จบประโยค
                    -  ใช้เมื่อจบประโยค (ยกเว้นประโยคคำถาม  และประโยคอุทานหรือตกใจ)  ประโยคในที่นี้หมายถึง  ประโยคบอกเล่า  ประโยคปฏิเสธ  ประโยคคำสั่ง และประโยค direct  speech  และเนื้อหาของแต่ละประโยคดังกล่าวไม่ควรยาวเกิน  3  บรรทัด  เพราะประโยคที่มีเนื้อหายาวเกินไปอาจสร้างความย่งยากในการทำความเข้าใจแก่ผู้อ่าน
ยกตัวอย่างเช่น          He  is  my  good  friend.
                                    We  don’t  like  terrorism.
                                    Sit  down.
                                    He  said, “I have something to give you.”  เป็นต้น
                        -  ใช้กับคำย่อ (abbreviation) 
ยกตัวอย่างเช่น          a.m. = from Latin ‘ante meridiem’ ตั้งแต่หลังเที่ยงคืนถึงเที่ยงวัน
                                    Dec. = December
                                    No.   = Number        เป็นต้น
                        -  คำย่อเหล่านี้อังกฤษแบบอังกฤษไม่มีเครื่องหมาย Full stop แต่อังกฤษแบบอเมริกันมี   ยกตัวอย่างเช่น
อังกฤษแบบอังกฤษ
อังกฤษแบบอเมริกา
คำแปล
Dr
Dr.
ดอกเตอร์
Mr
Mr.
นาย
MA
M.A.
ปริญญาโท

-  ใช้เขียนคั่นระหว่างวันที่กับเดือน  และเดือนกับปีของคริสต์ศักราช 
ยกตัวอย่างเช่น          9.9.2008  หรือ  9.09.2008  หรือ  31.12.2011      เป็นต้น
-  ใช้บอกเวลาที่มีเศษนาทีและวินาที    ยกตัวอย่างเช่น  3.15 a.m.
-  ใช้บอกจำนวนเงินที่มีเศษ  ยกตัวอย่างเช่น  This pen costs 5.50 bath.
-  ใช้กับทศนิยม  (decimal  point)  ยกตัวอย่างเช่น  1.1 + 2.2 = 3.3
-  ใช้กับ website  และ  email address  ให้อ่านออกเสียงว่า dot (ด็อท)
ยกตัวอย่างเช่น  website  เช่น   www.google.com          www.sanook.com
                            email address  เช่น  danny@hotmail.com

2.2  Question  marks (?) เครื่องหมายคำถาม / ปรัศมี
                        -  ใช้เมื่อจบประโยคคำถาม (interrogative sentence)
                        -  ใช้กับบทสนทนาที่เป็นคำถามสั้น ๆ เพียงคำเดียวที่คู่สนทนาต่างเข้าใจว่าหมายถึงอะไร  ได้แก่คำจำพวก  Wh - word  และคำอื่น ๆ เช่น
                                    A : I met a friend of yours yesterday.
                                    B : Who?
                        -  ใช้กับประโยคบอกเล่า (affirmative sentence) ซึ่งผู้เขียนต้องการให้เป็นประโยคคำถาม (interrogative sentence)  อนึ่งประโยคลักษณะนี้ผู้พูดต้องพูดคำสุดท้ายของประโยคด้วยการขึ้นเสียงสูง  เพื่อให้ทราบว่าเป็นการถาม / ประโยคคำถาม แต่จะจัดอยู่ในประเภทงานเขียนที่ไม่เป็นทางการ  ซึ่งมีโอกาสใช้ค่อนข้างน้อยนิยมใช้พูดมากกว่า ยกตัวอย่างเช่น      You came alone?                 She is your sister?
           
2.3  Exclamation  marks (!)  เครื่องหมายอัศเจรีย์ / ตกใจ


            คำพูดหรือประโยคที่มีเครื่องหมายตกใจ น้ำเสียงผู้พูดย่อมแตกต่างจากเวลาพูดทั่ว ๆ ไป นั่นคือ เสียงย่อมสูงกว่าปกติ  เพราะบ่งบอกให้รู้ถึงความตกใจ  มีวิธีใช้ดังนี้
                        -  ใช้กับคำอุทานซึ่งแสดงอารมณ์ตกใจ  ดีใจ  สสดใจ  หรือเจ็บปวด
                                    Oh! โอ้!                      Oop! อุ๊ย!
                                    Ouch! โอ๊ย!               Excellent! วิเศษณ์!
                        บางครั้งใช้กับคำทักทาย  เพื่อเป็นการเรียกร้องความสนใจ เช่น Hi! Hello!
                        -  ใช้กับคำพูดหรือประโยคที่เตือนให้ระมัดระวัง  เช่น
                                    Be careful!   ระวัง!              Watch  out!  ระวัง!
                        -  ใช้กับประโยคที่เป็นคำสั่งอย่างเด็ดขาด (peremptory  command)  เช่น
                                    Go  away!  ออกไป!             Do not disturb! ห้ามรบกวน!
                        -  ใช้กับประโยคที่บ่งบอกถึงอารมณ์ดีใจ  ตกใจ  เศร้าใจ  ประหลาดใจ  โกรธ  และตื่นเต้น  เช่น     Help  me! ช่วยด้วย! What a pity! น่าสงสารเหลือเกิน!
                        -  ใช้วางหลังชื่อบุคคลเพื่อเป็นการเน้นหรือเรียกร้องความสนใจ
ยกตัวอย่างเช่น  Ann! Where are you now?  แอน  ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?

2.4  Comma (,)  เครื่องหมายจุลภาค
            บรรดาเครื่องหมายวรรคตอนในภาษาอังกฤษ เครื่องหมาย comma (,) เป็นเครื่องหมายที่ใช้มากที่สุด  เครื่องหมายนี้มีความหมายว่าให้ผู้พูดหรือผู้อ่านหยุดครู่หนึ่ง  แล้วค่อยพูดหรืออ่านต่อ  เรียกว่าพูดแบบมีจังหวะจะโคนฟังแล้วรื่นหู  เช่น  No, price is too high.  ประโยคนี้เราต้องหยุดที่คำว่า  No  ครู่หนึ่งแล้วค่อยพูดต่อ  แต่ถ้าเราพูดโดยไม่หยุดครู่หนึ่งประโยคข้างบนก็จะมีความหมายดังนี้  คือ  No price is too high. ซึ่งทั้งสองประโยคนี้มีความหมายที่แตกต่างกันมาก
            เครื่องหมาย  comma (,)  มีวิธีใช้ดังนี้
                        -  ใช้แยกคำหรือวลีในรายการ คำสุดท้ายที่มี and นำหน้าจะวาง comma(,) ไว้หน้า and หรือไม่ก็ได้  แต่โดยทั่วไปไม่เขียน  comma (,) ไว้หน้า and  เช่น
Students  need  books, notebooks, pens, rulers and erasers.
                        -  ใช้แยกอนุประโยค (subordinate  clause) กับมุขยประโยค (main clause) เช่น  If I had much more time , I would learn another language.
                        -  ใช้แยกประโยคความรวม (compound sentence) ซึ่งประธานแต่ละประโยคต่างกัน  (แต่ไม่เสมอไป) ที่เชื่อมด้วยคำสันธาน (conjunction) อาทิเช่น but , so , and , or , yet  และต้องเป็นประโยคที่มีเนื้อหายาว ๆ เช่น English isn’t difficult , but a lot of people think it’s difficult.
                        -  ใช้วางหลังคำหรือกลุ่มคำที่แทรกเข้ามาเพื่อเน้นความสำคัญ  ยกตัวอย่างคำเหล่านี้              however , moreover                        hence , indeed
                        Furthermore                          nevertheless เป็นต้น
                        -  ใช้วางหลังชื่อบุคคลที่อยู่ต้นประโยค  หากว่าชื่ออยู่กลางประโยคให้วางไว้ทั้งข้างหน้าและข้างหลังชื่อ  แต่ถ้าชื่ออยู่ท้ายประโยคให้วางไว้หน้าชื่อ เช่น
                        Helen , why don’t you come along with us?
                        Sir , I am very happy to meet you.
                        You know ,Michel, why I try to speak English with foreigners.
                        -  ใช้เขียนหลัง  yes , no  หรือคำทำนองเดียวกันนี้ที่มีข้อความเกี่ยวเนื่องต่อท้าย  เช่น   Is he a good boy?          Yes, he is a good boy.
                        -  ใช้เพื่อแยกปี  ซึ่งตามหลังเดือน  ถนนกับเมืองหรือเมืองกับรัฐ เช่น
My birthday is October 16,1960.  เป็นต้น

2.5  Hyphen (-)  เครื่องหมายขีดสั้น / ยัติภังค์
            เป็นเครื่องหมายขีดสั้น ซึ่งมีวิธีใช้งานดังนี้
                        -  เพื่อเชื่อมคำสองคำให้เป็นคำเดียวกัน  เช่น  ex – Presider (อดีตประธานาธิบดี)  ex-wife (อดีตภรรยา)  เป็นต้น
                        -  เพื่อแยกพยางค์ของคำที่เขียนไม่พอบรรทัด  เช่น  Congratu-
lations on winning the scholarship.

2.6  Colon (:)  เครื่องหมายจุดคู่ / ทวิภาค
            คือเครื่องหมายที่ใช้คั่นข้อความต่าง ๆ ในลักษณะดังนี้
                        -  ใช้ : หลังคำขึ้นต้นในจดหมายธุรกิจแบบอเมริกา  เช่น
Gentlemen : ใช้เขียนถึงบริษัทโดยไม่เจาะจงตัวบุคคล
Dear Sir : เมื่อเขียนถึงบุคคลที่ไม่รู้จักชื่อ
                        -  ใช้สำหรับแยกชั่วโมงกับนาทีในการบอกเวลาแบบอเมริกัน  เช่น
9:30 p.m.       8:45 p.m.  เป็นต้น
            2.7  Semicolon (;)  เครื่องหมายอัฒภาค
เป็นเครื่องหมายที่ใช้เชื่อมประโยค  2  ประโยคซึ่งมีข้อความหรือความรู้สึกเกี่ยวพันกัน  ถ้าขึ้นต้นประโยคใหม่อาจจะทำให้ใจความขาดตอนออกจากกัน  เช่น
Daeng  likes to eat ; Suda likes to sleep.  เป็นต้น

2.8  Quotation  marks (‘’ “”) ครื่องหมายอัญประกาศ / คำพูด
-  ใช้เครื่องหมายคู่ “” กับข้อความที่คัดลอกจากข้อเขียนหรือคำพูด  เช่น
My teacher says, “The pupils must intend to learn for good chance.”
            -  ใช้เครื่องหมายเดี่ยว คือ ‘’ เมื่ออยู่ในเครื่องหมายคำพูดอีกทีหนึ่ง  เช่น
Ladda  said, “Do you remember that John has ever said, ‘I love you all time.’?”
            -  ใช้เครื่องหมายกับชื่อบทความ  ชื่อเพลงหรือบทประพันธ์ต่าง ๆ เช่น
The song I like best “the yesterday once more.”
-  ใช้เครื่องหมายคำพูดกับคำที่ผู้เขียนต้องการเน้น หรือแสดงความพิเศษอย่างใดอย่างหนึ่ง  เช่น  He often calls me a “true man.”
หมายเหตุ  เครื่องหมาย , (comma) และจุด . (Peroid) จะต้องอยู่ภายในเครื่องหมายคำพูดเสอม  ไม่ว่าในกรณีใด  ส่วนเครื่องหมาย : (colon) และ ; (semicolon) ให้วางเอาไว้นอกเครื่องหมายคำพูดเสมอ



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น